หากจะกล่าวถึงผ้าทอของไทยนั้น
ถือเป็นงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่สร้างขึ้นจากการสั่งสมประสบการณ์ที่ผสมผสานกลมกลืนกับขนบธรรมเนียมประเพณี
ยามว่างจากการทำไร่ทำนา ผู้หญิงจะทอผ้า
จนมีคำกล่าวเกี่ยวกับวิถีการดำรงชีวิตของผู้คนสมัยก่อนไว้ว่า “เมื่อเสร็จหน้านา
ผู้หญิงทอผ้า ผู้ชายตีเหล็ก” ดังนั้นทุกครัวเรือนจะมีการทอผ้าเพื่อการใช้สอย
มีการถ่ายทอดความรู้ในการ ทอผ้า ให้กับสมาชิกโดยเฉพาะผู้หญิง
ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ
ผืนแผ่นดินในภาคเหนือที่เรียกว่า อาณาจักรล้านนา
นับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา กลุ่มชนชาตืไทยได้รวมตัวกันเป็นแว่นแคว้น
มีศิลปวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีของตนเองมาช้านาน
วิถีชีวิตส่วนใหญ่ของผู้คนมักจะมีการทอผ้าใช้กันนนานแล้ว
ทั้งที่ทอขึ้นเพื่อใช้สวมใส่และทอขึ้นเพื่อเป็นสินค้าส่งไปขายยังอาณาจักรใกล้เคียง
ดังมีรายชื่อผ้าทอปรากฏอยู่หลายชนิด เช่น ผ้าสีจันทน์ขาว ผ้าสีจันทน์แดง
ผ้าสีดอกจำปา นอกจากนี้ยังมี ผ้ากัมพล
ซึ่งเป็นผ้าทอด้วยขนสัตว์สำหรับชนชั้นสูงใช้พันเอว
ในตำนานพงศาวดารเมืองหริภุญไชย
ได้มีการกล่าวถึงการใช้ผ้าทอในโอกาสต่างกัน เช่น
การถวายจีวรห่มแก่พระในการทำบุญทางศาสนา การให้ผ้าเป็นทานแก่คนยากจน
จิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน
แสดงให้เห็นการแต่งกายของหญิงชาวเหนือที่นุ่งซิ่นลายน้ำไหล
ตำนานเมืองเงินยางเชียงแสน
ตอนหนึ่งยังได้กล่าวถึงการที่คนสมัยก่อนนำผ้ามาตัดเย็บเป็นเสื้อสวมใส่และนำผ้าแพรมาพันโพกศรีษะ
สำหรับในล้านนานั้นมีการทอผ้าของชาวไททั้งบนพื้นราบและชาวเขาเผ่าต่าง
ๆ ชนเผ่าไทได้แก่ ไทยวน ไทลื้อ ไทยองและลาว
ลักษณะผ้าทอของล้านนาจะนิยมทอเป็นผ้าซิ่น ซึ่งโดยทั่วไปจะประกอบด้วยผ้า 3 ส่วน
คือ หัวซิ่น ตัวซิ่น และตีนซิ่น
แต่ละชิ้นเป็นผ้าผืนสี่เหลี่ยมนำมาเย็บติดกันในลักษณะใดก็ได้
เนื่องจากกี่ทอผ้าในสมัยก่อนไม่สามารถวางด้ายขวางได้กว้างเท่านี้ แต่ในโอกาสพิเศษ
เช่น งานบุญประเพณี
สตรีชาวเหนือจะนิยมนุ่งซิ่นที่ทอส่วนตีนซิ่นให้งดงามเป็นพิเศษด้วยเทคนิคจก
ที่เรียกกันว่า “ผ้าซิ่นตีนจก” นอกจากผ้าซิ่นแล้วตามจังหวัดต่าง ๆ
ในภาคเหนือยังมีผ้าทอพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงและคุณภาพดีอีกหลายแห่ง
เช่นผ้ายกดอกลำพูน ผ้าทอจอมทอง ผ้าทอสันกำแพง ผ้าทอลำปาง ผ้าทอลายน้ำไหลเมืองน่าน
เป็นต้น
งานศิลปหัตถกรรมทอผ้าพื้นบ้านของ จังหวัดลำพูน มีความงดงามประณีตด้วยฝีมือไม่แพ้ที่อื่น
ๆ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน งานศิลปะที่ชาวลำพูนมีความภูมิใจมากที่สุดก็คือ
“การทอผ้าไหมยกดอก” ซึ่งเป็นผ้าไหมชนิดพิเศษที่ทำขึ้นจากใยของตัวไหม
มีคุณสมบัติคือ เหนียว คงทน ต้านทานแรงดึงได้สูง เนื้อผ้าไหมมีความหนาแน่น
เป็นเงามันและมีประกายสวยงาม ไม่นำความร้อนทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบาย
ประวัติของการทอผ้ายกดอกในจังหวัดลำพูนนั้น
ไม่มีหลักฐานปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรแน่ชัด
แต่จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่กล่าวไว้ว่า การทอผ้ายกดอกมีจุดเริ่มต้นอยู่ใน
“คุ้มเจ้า” ซึ่งแต่เดิมมาก็มีการทอผ้าฝ้ายยกดอกกันอยู่ก่อน
แต่เป็นการทอยกดอกในผ้าฝ้ายและเป็นลวดลายธรรมดาไม่สวยงามวิจิตรมากนัก
จนกระทั่งพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ซึ่งเป็นพระญาติกับเจ้าเมืองลำพูน
ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการทอผ้าไหมยกดอก ที่มีลวดลายสวยงามแปลกตาและวิจิตรบรรจง
ซึ่งพระองค์ได้เรียนรู้มาจากภาคกลางให้แก่ เจ้าหญิงส่วนบุญ
ผู้เป็นชายาของเจ้าจักรคำจขรศักดิ์ เจ้าผู้ครองลำพูนองค์สุดท้ายและ
เจ้าหญิงลำเจียก ธิดาในเจ้าจักรคำขจรศักดิ์เป็นผู้เริ่มทำ
ต่อมาการทอผ้าไหมยกดอกจึงได้เริ่มแพร่หลายออกไปสู่สาธารณชนทั่วไป
โดยได้มีการฝึกหัดชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง
จนมีความรู้เรื่องการทำผ้าไหมยกดอกได้เป็นอย่างดี ทำให้เมืองลำพูนกลายเป็นศูนย์กลางการทอผ้าไหมยกดอกแหล่งสำคัญของประเทศไทย
ในอดีตเมืองลำพูนมีโรงงานทอ ผ้าไหมยกดอก มากมายกระจายอยู่ตามที่ต่าง
ๆ ในตัวเมือง โรงงานที่สำคัญได้แก่ โรงทอผ้าคุ้มเจ้าหญิงส่วนบุญ
แต่แรกเป็นการฝึกหัดช่างฝีมือทอผ้าสำหรับใช้ในคุ้มหลวงและส่งไปทางราชสำนักกรุงเทพฯเท่านั้น
ต่อมาได้มีการจำหน่ายให้กับคนโดยทั่วไป
นับเป็นโรงงานที่ดำเนินกิจการที่ยั่งยืนและสืบทอดต่อมาโดยคุณหญิงพงษ์แก้ว ณ
ลำพูนและปัจจุบันได้สืบทอดมายังลูกหลาน
นับเป็นแหล่งอนุรักษ์การทอ ผ้าไหมยกดอก ที่สำคัญของลำพูน โรงทอผ้าเจ้าหญิงลำเจียก ณ
ลำพูน ได้ตั้งโรงงานขึ้นภายในคุ้มหลวง
ท่านได้ส่งเสริมและพัฒนารูปแบบผ้ายกดอกของลำพูนให้มีความหลากหลายมาก
ปัจจุบันโรงงานกลายสภาพเป็นตลาดพิกุลแก้ว โรงทอผ้าป้าฟองคำ อินทพันธ์ ถนนแว่นคำ
ข้างศาลากลางทางด้านทิศใต้ ปัจจุบันเป็นกิจการทอผ้าฝ้ายขนาดเล็ก
โรงทอผ้าคุณย่าบัวผัน โนตานนท์ ใช้บริเวณหลังบ้านทำกิจการทอผ้า
ปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว โรงทอผ้าป้าบุญศรี บุณยเกียรติ หรือ ร้านผ่องพรรณ
บริเวณรอบเมืองในประตูลี้ ปัจจุบันยังดำเนินกิจการอยู่ เปลี่ยนชื่อร้านเป็น
ปรีชาเกียรติไหมไทย เป็นร้านที่มีชื่อเสียงในการออกแบบ ผ้าไหมยกดอก ได้สวยงาม
เหมาะสมกับยุคและเป็นที่ต้องการของตลาดมาก โรงทอผ้าเพ็ญศิริไหมไทย
เป็นโรงงานทอผ้ายกดอก ผ้าดิ้นเงิน
ผ้าดิ้นทองและเป็นแหล่งทอผ้ายกดอกแห่งสำคัญของจังหวัดลำพูนในปัจจุบัน
ทั้งนี้เนื่องมาจากได้มีกรปรับกิจกรรมการทอผ้าแบบโบราณให้เข้ากับยุคสมัยได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าปัจจุบันความนิยมในการสวมใส่ ผ้าไหมทอยกดอก จะลดน้อยลงเนื่องจากมีราคาค่อนข้างสูง
แต่ก็ใช่ว่างานฝีมือในการทอ ผ้าไหมยกดอก ของคนลำพูนจะสูญสิ้นไป
ปัจจุบันยังคงมีการอนุรักษ์และสืบทอดงานฝีมือทอผ้าไหมยกดอกให้แก่ลูกหลานอยู่อย่างสม่ำเสมอและยังมีการพัฒนาลวดลายของ ผ้าไหมยกดอก ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
เพื่อรองรับตลาดผ้าทอที่ปัจจุบันกำลังเริ่มได้รับความนิยมตามกระแสแห่งการอนุรักษ์งานฝีมือจากธรรมชาติ
ที่มา:จักรพงษ์
คำบุญเรือง
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้นำผ้าไหมยกดอกมาตัดเย็บเป็นชุดประจำชาติเพื่อให้ผืนผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ความเป็นไทยนี้สามารถประยุกต์ ใช้ในหลากหลายโอกาส
อ่านเพิ่มเติมสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ใน รัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ ให้นำ ผ้าไหมยกดอก มาตัดเย็บเป็นชุดประจำชาติ
อ่านเพิ่มเติมฟ้อนถวาย “เจ้าดารารัศมี พระราชชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕”
อ่านเพิ่มเติม